บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก 2011

บรรยากาศงานฌาปนกิจ สมเดช ยนตรกิจ

รูปภาพ
บรรยากาศงานฌาปนกิจ สมเดช ยนตรกิจ  หรือชื่อจริงคือ ส.ท.สำรวย ธานี วันเสาร์ที่ 12 พฤศจิกายน 2554 คนซ้ายมือ คือ นางสุวิชา ยนตรกิจ บุตรสาวของนางไข่มุกด์ ยนตรกิจ คนตรงกลาง คือ ภรรยาของคุณสมเดช ยนตรกิจ ชื่อว่านางสมนึก ธานี คนที่อยู่ทางขวามือ คือ นางอรุณรุ่ง (ธนนันท์) ธานี บุตรสาวคนโตของคุณสมเดช ยนตรกิจ ภาพนี้ คือเพื่อนนักมวยของสมเดช ยนตรกิจ โดยมี คนทางซ้ายมือสุดคือ สายเพชร ยนตรกิจ ส่วนท่านอื่นๆต้องกราบขออภัยเนื่องจากจำชื่อไม่ได้จริงๆ กราบขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ          อันนี้เป็นภาพป้ายหน้าถ้วยรางวัลที่ สมเดช ยนตรกิจ สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แก่ นายตันกี้ ยนตรกิจ ภาพถ้วยรางวัลนี้จะดูได้จากภาพข้างล่างถ้วยรางวัลที่อยู่ทางซ้ายมือด้านบนของโต๊ะ ภาพนนี้คือ รางวัลเกียรติยศที่ สมเดช ยนตรกิจ ได้มาด้วยความสามารถอย่างยิ่ง งานฌาปณกิจของนายสมเดช ยนตรกิจ นี้เพื่อนๆนักมวยในค่ายมาน้อยเนื่องจากภัยพิบัติน้ำท่วมครั้งใหญ่ จึงทำให้ไม่สามารถมาร่วมงานได้ เพื่อนนักมวยร่วมค่ายจึงขอไว้อาลัยให้กับ สมเดช ยนตรกิจ ผู้เป็นตำนานผู้หนึ่งของประเทศไทย

ขอไว้อาลัยให้กับการจากไปของ นายสำรวจ ธานี หรือ สมเดช ยนตรกิจ (ซ้ายมฤตยู หรือ ซ้ายฟ้าผ่า)

รูปภาพ
นายสำรวย ธานี หรือ สมเดช ยนตรกิจ (ซ้ายมฤตยู หรือ ซ้ายฟ้าผ่า) ได้ถึงแก่กรรมเมื่อเช้าวันที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ.2554 ญาติได้นำศพไว้ที่ วัดน้อยนพคุณ ศาลา 4 ขอเรียนเชิญทุกท่านมา ณ ที่นี้ ร่วมฟังสวดเพื่อไว้อาลัยกับนักมวยฝีมือเยี่ยมอีกคนหนึ่งที่วัดน้อยนพคุณ ใกล้สะพานเกศโกมล เขตดุสิต กรุงเทพฯ  และ จะมีพิธีฌาปนกิจ วันเสาร์ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

บรรยากาศงานทำบุญระลึกคุณครูของค่ายมวยยนตรกิจ ที่วัดน้อยนพคุณ เขตดุสิต กทม.

รูปภาพ
บรรยกาศงานทำบุญเมื่อวันที่ 24 กัยยายน พ.ศ.2554    โดย พ.อ.บุญส่ง เกิดมณี ลูกศิษย์ และครอบครัวยนตรกิจ ได้ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับ นายตันกี้ ยนตรกิจ , นายชัยยุทธ ยนตรกิจ ,นางไข่มกด์ ยนตรกิจ รวมถึงตระกูลยนตรกิจ  ที่วัดน้อยนพคุณ เขตดุสิต กรุงเทพฯ เพื่อแสดงถึงความกัญญูกตเวทีต่อครู อาจารย์ ผู้มีพระคุณที่ถ่ายทอดความรู้และเป็นผู้มีพระคุณแก่ศิษย์ทั้งหลาย ในงานนี้ยังมีนักข่าวจากหนังสือสยามกีฬามาถ่ายภาพในงานนี้อีกด้วย

พิภพ ยนตรกิจ

รูปภาพ
พิภพ ภู่ภิญโญ ได้เป็นพระเอกหนังไทยในหลายๆเรื่อง ไถง สุวรรณฑัต คือ ผู้ชักนำเข้าสู่วงการ แรกเริ่มไถงจะสร้างหนังเรื่อง เกาะตะรุเตา ก็เลยรับสมัครพระเอกใหม่ มีคนมาสมัครมากมายได้ผู้เข้ารอบมา 15 คน ในจำนวนนี้ก็มีนักมวยติดมาคนหนึ่งชื่อ พิภพ ภู่ภิญโญ พิภพ ได้รับคัดเลือกให้เป็นพระเอกในเรื่อง เกาะตะรุเตา ผลงานเรื่องแรกของพิภพผ่านพ้นไปได้ด้วยดี พิภพเลิกชกมวยหันมาเล่นหนังดีกว่า(อดีตเคยเป็นนักมวย) ผลงานเรื่องต่อๆมาโดยสร้างของไถง สุวรรณฑัต ในเรื่อง ขุนศึกน่านเจ้า พิภพได้รับบทพระเอกอีกเรื่อง การรับบทพระเอกของพิภพเป็นไปได้เพียงไม่กี่เรื่อง พิภพก็ถูกให้มารับบทร้าย และรับบทร้ายมาตลอด พิภพ ภู่ภิญโญ เป็นหนึ่งในดาราอาวุฒิโสในอดีตที่มีผลงานแสดงฝากไว้มากมายกว่าร้อยเรื่อง ลักษณะเก่นของภิพบ ภู่ภิญโญ คือ เป็นนักแสดงที่มีหัวล้าน ไว้หนวด และรับบทเป็นตัวร้ายหรือโจร ในทุกๆเรื่อง ผลงานที่เด่นๆของพิภพ ภู่ภิญโญ ที่ดังๆก็มีอยู่หลายเรื่อง เช่น เรื่อง ทอง (ภาพยนตร์) ของ ฉลอง ภักดีวิจิตร พิภพได้รับบทเป็นหัวหน้ากองโจร ประชันพระเอกในเรื่องอย่าง สมบัติ เมทะนี และ กรุง ศรีวิไล [ แก้ ] วลียอดฮิตของพิภพ พิภพ ภู่ภิญโญ เจ

สนามมวยทุ่งศรีเมือง

สนามมวยทุ่งศรีเมือง           เมื่อก่อนนี้อุบลราชธานียังไม่มีสนามมวยเป็นเอกเทศต้องจัดชกมวยตามโรงมหรสพ เช่น “ โรงหนังเหนือ ” อยู่ในซอยอุบลกิจ แถวอุบลโฮเตลโรงแรมเก้าชั้นปัจจุบัน “ โรงหนังกลาง ” หรือโรงหนังน่ำแซ ต่อมาเปลี่ยนเป็น “ อุบลภาพยนตร์ ” อยู่ถนนยุทธภัณฑ์ ปัจจุบันเป็นลานจอดรถยนต์หน้าโรงแรมนิวนครหลวง “ โรงหนังใต้ ” หรือ “ ใต้ฟ้าภาพยนตร์ ” อยู่ที่ถนนพรหมราชหน้าวัด กลางข้างถนนราชวงศ์ เมื่อมีงานเทศกาลต่างๆ ก็สร้างสนามมวยในบริเวณงานจนกระทั่งประมาณปี พ.ศ. 2483 ได้สร้าง สนามมวยแห่งแรกขึ้นที่ข้างศาลากลางจังหวัดหลังเดิม ด้านทิศตะวันออกข้างถนนราชบุตรกรรมการห้ามมวย รุ่นแรกที่ชื่อเสียงในความแคล่วคล่อง ว่องไว เด็ดขาด ยุติธรรม เป็นที่ศรัทธาของประชาชนสมัยนั้นได้แก่ ครูชัย พรหมคุปต์ และสุวรรณ คูณพงศ์ ซึ่งเปิดครูโรงเรียนเบ็ญจะมะมหาราชขณะนั้น (ต่อมาครูชัย พรหมคุปต์ ดำรงตำแหน่งศึกษาธิการจังหวัดสุรินทร์และอุบลราชธานี ครูสุวรรณ คูณพงศ์ ดำรงตำแหน่งครูใหญ่โรงเรียนประจำจังหวัดเลย) สนามมวยแห่งนี้ได้ไม่นานก็เลิกกิจการไป           ทางด้านทุ่งศรีเมือง เมื่อหมดยุคสนามม้า ก็มาสู่ยุคสนามมวย ประมาณ พ.ศ. 2492

“กองทุนมวย” เทน้ำใจช่วยอดีต 7 นักมวยไทยป่วยหนัก

   คณะกรรมการกีฬามวย แสดงน้ำใจลงมติเห็นชอบให้ความช่วยเหลือ 7 อดีตนักชกไทย เป็นเวลา 6 เดือน ที่ป่วยจนไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้               นายสุวิทย์ ยอดมณี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการกีฬามวย ซึ่งในที่ประชุมเห็นชอบอนุมัติให้ความช่วยเหลือสวัสดิการกองทุนกีฬามวยแก่อดีตนักกีฬามวย จำนวน 7 ราย เป็นระยะเวลา 6 เดือน โดยนับตั้งแต่เดือนเมษายน - กันยายน 2550               ซึ่งอดีตนักชกไทยทั้ง 7 ราย ประกอบด้วย นายชลัท ซอวีระศักดิ์ศรี หรือ “สายรุ้ง เกียรติเมืองนรา” ป่วยเป็นโรคเซลล์ประสาทสั่งการเสื่อม, นายสนอง อาจทวีกุล หรือ “สนอง ร.ส.พ.” ป่วยเป็นโรคหัวใจโต, นายสมเจตน์ สะนีเล๊าะ หรือ “ซามัด ส.ลูกอินเดีย” ป่วยเป็นโรคมะเร็งลำไส้ในช่องท้องและทวารหนัก, นายบุญเลิศ ใจคำ หรือ “ไรรำพึง บ.ข.ส.” ป่วยเป็นโรคข้อเข่าเสื่อม 2 ข้าง, นายประสิทธิ์ จิตเทพ หรือ “ฟ้าสนั่น ศ.กิตติพร” ป่วยเป็นโรคมะเร็งท่อน้ำดี, นายวิรัช องอาจยุทธนาการ หรือ “สรไกร สิงหคงคา” ป่วยเป็นโรคเบาหวานและอัมพาตแขน ขา ข้างซ้าย และ นายเสรี จุ้ยจุติ หรือ “จอกกี้ ยนตรกิจ” ป่วยเป็นโรคอัมพาต           

รางวัลเกียรติยศ"ฮอล ออฟ เฟม"

รูปภาพ
     รางวัลเกียรติยศ"ฮอล ออฟ เฟม"      เดชฤทธิ์ อิทธิอนุชิต    รางัวลเกียรติยศ "ฮอล ออฟ เฟม" อีก 1 รางวัล ตกเป็นของ ทองปลิว ศรีนพ หรือ เดชฤทธิ์ อิทธิอนุชิต นักมวยไทยระดับยอดมวยไทยในอดีตอีกคนหนึ่ง ที่ผ่านสังเวียนมาอย่างโชกโชน ผ่านนักมวยดังๆ ระดับแนวหน้ามาแล้วทั้งสิ้น ชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดีของแฟนมวย จนสามารถคว้าแชมป์มวยไทยมาครองได้หลายรุ่นด้วยกัน ประกอบไปด้วย รุ่นเฟเธอร์เวตเวทีมวยราชดำเนิน ชนะคะแนน "แชมป์มงกุฎเพชร" อดุลย์ ศรีโสธร, รุ่นไลต์เวต ชนะคะแนน รักเกียรติ เกียรติเมืองยม และ รุ่นเวลเตอร์เวต ชนะคะแนน อภิเดช ศิษย์หิรัญ และเคยขึ้นชกต่อหน้าพระที่นั่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งในไฟต์นี้นั้นทาง เดชฤทธิ์ เป็นฝ่ายเอาชนะคะแนน เริงศักดิ์ ส.ลูกพิทักษ์ จนได้รับถ้วยพระราชทานมาครอง ถือว่าเป็นเกียรติยศสูงสุดที่เคยได้รับในชีวิตการชกมวยก็ว่าได้ เดชฤทธิ์ เป็นนักมวยอีกคนหนึ่งที่แฟนมวยให้ความรักและความศรัทธาเป็นอย่างมาก ถึงแม้ว่าจะเลิกมวยไปหลายปีแล้ว แต่ก็ยังมีการพูดถึงกันอยู่ตลอด ""ผมเองดีใจมากที่ได้รับรางวัลนี้มาครอง ก่อนหน้านี้คิดว่

รางวัลเกียรติยศ"ฮอล ออฟ เฟม"

รูปภาพ
     รางวัลเกียรติยศ"ฮอล ออฟ เฟม"      เขียวหวาน ยนตรกิจ รางวัลเกียรติยศ "ฮอล ออฟ เฟม" ซึ่งถือว่าเป็นรางวัลที่มอบให้กับอดีตนักกีฬาที่เลิกเล่นกีฬาไปแล้ว 10 ปีขึ้นไป มีผลงานที่โดดเด่นและมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดีของแฟนมวยกีฬาโดยทั่วไป ซึ่งในปีนี้มีแจกรางวัลกันทั้งหมด 7 ท่านด้วยกัน โดยวงการมวยคว้ามาครองได้ 2 ท่านประกอบไปด้วย พ.อ.บุญส่ง เกิดมณี หรือ "ซ้ายฟ้าฟาด" เขียวหวาน ยนตรกิจ อดีตนักมวยไทยระดับตำนานที่โด่งดังเป็นอย่างมาก ในอดีตเป็นนักมวยระดับยอดมวยไทยอีกคนหนึ่งที่แฟนมวยรุ่นหลังยังมีการพูดถึงกันอยู่ตลอด ในอดีตนั้นเคยคว้าแชมป์มวยไทยและมวยสากลมาครอง และเคยเป็นแชมป์ภาคตะวันออกไกลและแปซิฟิก (OPBF) ซึ่งเป็นการครองแชมป์ต่อหน้าพระที่นั่งของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งเสด็จทอดพระเนตรได้รับถ้วยพระราชทานมาครอง ซึ่งถือว่าเป็นรางวัลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตและภาคภูมิใจเป็นอย่างมาก โดยทาง เขียวหวาน ได้เปิดเผยว่า "การที่ผมได้รับรางวัล "ฮอล ออฟ เฟม" ในครั้งนี้ ผมต้องขอบคุณคณะกรรมการจัดการแข่งขันที่ยังนึกถึง ไม่เคยลืมนักมวยที่เลิกมวยไปแ

พ.อ.เทพ กรานเลิศ นายสนามมวยเวทีลุมพินี ลำดับที่ 2

พ.อ.เทพ กรานเลิศ นายสนามมวยเวทีลุมพินี  ลำดับที่ 2 ก.ค. 2504 – ต.ค. 2504 พ.ท.เอิบ แสงฤทธิ์ ปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งนายสนามมวยเวทีลุมพินีมาจนถึงกลายปี 2504 ในช่วงที่พลตรีกฤษณ์ สีวะรา เป็นผล.พล.1 รอ.ซึ่งต้องเป็นประธานกรรมการสนามมวยเวทีลุมพินีด้วยโดยตำแหน่ง เมื่อ พลตรี ประยูร หนุนภักดี ขึ้นดำรงตำแหน่ง ผบ.พล.1รอ. สืบแทนก็เป็นเวลาที่ พ.ท.เอิบ แสงฤทธิ์ มีอาวุโส พอที่จะขึ้นครองยศพันเอกได้แล้ว แต่ใน พล.1รอ.ไม่มีตำแหน่งว่าง พ.ท.เอิบ จึงถูกย้ายไปเอายศพันเอกที่กรมสวัสดิการทหารบกเป็นอันต้องหลุดจากตำแหน่งนายสนามมวยเวทีลุมพินีไป รวมทั้งคณะกรรมการบริหารชุดเดิม (ยกเว้นกรรมการผ่ายเทคนิค) ด้วยตามระเบียบ และในเดือนกรกฎาคม (2504) นั่นเอง พลตรีประยูร หนุนภักดีในฐานะประธานสนามมวยเวทีลุมพินีก็ได้มีคำสั่งแต่งตั้งให้พันเอก เทพ กรานเลิศ เสนาธิการกองพลที่ 1 รักษาพระองค์เป็นนายสนามคนใหม่ประกอบด้วยทีมงานในตำแหน่งสำคัญๆ คือพันเอกเฉลิม คำรพวงศ์, พันโท เสนาะสัมมาวาจ, นายชัยยุทร ยนตรกิจ, นายฉลาด วงศ์ชีพ, นายสุชาติ อุมานนท์ เป็นผู้จัดรายการ (เมตช์เมกเกอร์) ส่วนพันเอก เอิล แสงฤทธิ์ นายสนามคนเก่านั้นถูกยกให้เป็นที่ปรึกษ

สายเพชร ยนตรกิจ (ข้อมูลจาก ข่าวสด)

สายเพชร ยนตรกิจ มังกรร้ายโผวเล้ง ฉายาชาวยุทธ์สว่าง สวางควัฒน์ฉายานี้ออกจะยาวกว่าฉายาอื่นๆ ที่เคยเสนอมาแล้ว แต่ก็ฮิตชนิดที่ หา กเอ่ยขึ้นมาเมื่อใด ใครๆในวงการมวยก็รู้ทันทีว่าหมายถึงเขาคนเดียว-สายเพชร ยนตรกิจ กุมารจีน ผู้กรำศึกบนสังเวียนมาอย่างโชกโชน จนได้เป็นแชมป์เฟเธอร์เวต เวทีราชดำเนินอยู่สมัยหนึ่งสายเพชร หรือ ช่อหั่ง แซ่ไหล เป็นลูกคนจีนแท้ๆ เกิดที่เมืองโผวเล้ง เมื่อปี 2475 พออายุ 12 ปี แม่ก็พาลงเรือสำเภาอพยพมาเมืองไทยโดยไปอาศัยอยู่กับญาติที่จังหวัดเพชรบุรี ตี๋หั่ง สนใจเรื่องการชกต่อยมาแต่เด็กๆ เริ่มหัดมวยครั้งแรกจากครูณรงค์ ฉายะสนธิ หัวหน้าคณะ สายเพชร หัดอยู่ครึ่งปีจึงใช้ชื่อว่า สุดใจ สายเพชร ขึ้นชกเวที งาน วัดครั้งแรก เสมอ อำนาจ นฤภัย อีกวันก็เตะสุธา นฤภัย สยบยกสาม แต่ อาม้า รู้เรื่องเข้าก็สั่งห้ามชกมวยเด็ดขาด ไอ้ตี๋หั่งจึงต้องพักเรื่องชกมวยไปเป็นปีต่อมาครอบครัวอพยพมาอยู่กรุงเทพฯ แถวรองเมือง ตี๋หั่งยึดอาชีพเป็นช่างทาสี ได้รู้จักนักมวยค่าย ยนตรกิจ คนหนึ่งความที่สนใจเรื่องมวยมาตลอดจึงขอร้องให้พาไปฝากกับเตี่ยตังกี้ เจ้าสำนัก ยนตรกิจ อันมีชื่อเสียง และเตี่ยก็ รับ ไว้เป็นศิษย์ ฝึกฝนจนพอ

ประวัติมวยไทย ตอนที่3

คนไทยเป็นชาติเล็กๆจึงถูกจีนซึ่งเป็นประเทศใหญ่รังแกเสมอๆเพราะจีนถือว่าเป็นชาติใหญ่มีความเจริญมาก่อน ประกอบลักษณะของจีนสมัยโบราณ รูปร่างใหญ่แข็งแรงดุดัน เสียงดังดุจฟ้าร้อง กิริยาเหมือนม้าควบ เป็นที่น่ากลัวและน่าเกรงขามยิ่งนัก ส่วนคนไทยไม่มีคำกล่าวสรรเสริญไว้ให้ใครเกรง นอกจากบทประพันธ์ประกาศปฏิญาณตนทำนองบอกกล่าวจิตใจของชายชาตรีไว้ ดังนี้                                                 “ตัวกูชายชาติเชื้อ         ชาวไทย                                     ถึงเล็กแต่หัวใจ                         ใหญ่ป้ำ                                     มิอ่อนระย่อใคร                         ขี่พ่อ                                     แม้มังกรจามห้ำ                         ห่อนแสง”             จากบทประพันธ์จะเห็นได้ว่าคนไทยชอบต่อสู้ ถึงแม้ว่ารูปร่างเล็กแต่ไม่กลัวใคร ชายชาตรีตามอุดมคติของคนไทยนั้นต้องประกอบด้วยคุณสมบัติครบ5ประการคือ             1. คุณวุฒิ             2. มารยาทและมนุษยธรรม             3.วีรธรรมและทรหด             4.อำนาจทางกฤษตาคม             5.พลังกายและความรู้ด้านการต่อสู้ป้องกันตัว หรือเหม